ปรกติแล้ว พวกห้องรับรองผู้โดยสารในสนามบิน จะมีสายการบินเป็นเองเป็นผู้ให้บริการ กับกลุ่มลูกค้าที่บินบ่อยเป็นประจำ (Frequent Flyers) หรือกลุ่มผู้โดยสารชั้นธุรกิจขึ้นไป หรือไม่ก็จะเป็นกลุ่มที่มีธุรกิจและลูกค้าที่อยู่ในสนามบินอยู่แล้ว อย่างเช่น คิง พาวเวอร์ ซึ่งก็มีเล้าจ์ให้บริการลูกค้าของตัวเอง กับกลุ่ม Miracle Group ที่ปิดให้บริการทั้งเล้าจ์และโรงแรมภายในตัวอาคารสนามบิน
The Wisdom Lounge ของธนาคารกสิกรไทย ถือว่าเป็นครั้งแรก ที่มีธนาคารสัญชาติไทย เข้ามาเปิดให้บริการห้องรับรองผู้โดยสารภายในอาคารสนามบินด้วยตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ธนาคารส่วนใหญ่ในประเทศไทยมักจะมอบสิทธิในการเข้าใช้ห้องรับรองของการบินไทย ไม่ก็ผ่านทางบัตร Priority Pass ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ แล้วการทำแบบนี้สิ่งที่ธนาคารไม่อาจมอบกับลูกค้าตัวเองได้ นั่นก็คือคุณภาพและการบริการของเล้าจ์ เนื่องจากตัวเองไม่ได้เป็นคนบริหาร แต่กับ The Wisdom Lounge แล้ว ธนาคารสามารถเข้ามาดูแลในส่วนนี้ด้วยตัวเอง
หลังจากมีโอกาสได้เข้าลองใช้แล้ว (ซะที) ผมเลยขอมาเขียนรีวิวสั้น ๆ ครับ
ตัวเล้าจ์เอง
ที่ตั้งของ The Wisdom Lounge อยู่ชั้น 3 ของ Concourse A ของสนามบินสุวรรณภูมิฝั่ง International (Air-side) ครับ นั่นแปลว่าลูกค้ากสิกรที่ไม่ได้บินระหว่างประเทศไม่สามารถเข้าใช้ได้ ข้อเสียแรกของเล้าจ์นี้เลยคือจุดตั้งที่ค่อนข้างห่างจากประตูผู้โดยสารระหว่างประเทศพอสมควร เพราะ Concourse A ส่วนมากมีไว้ใช้เพื่อการบินภายในประเทศ
ในส่วนของเล้าจ์เองไม่มีอะไรมากครับ เป็นส่วนนั่งพักผ่อนและนั่งทานอาหารว่างในที่เดียวกันเลย โต๊ะก็มีสามแบบหลัก ๆ คือโต๊ะบาร์, โต๊ะกินข้าว, และโต๊ะเก้าอี้โซฟา ส่วนเรื่องการจัดมุม คือด้านนึงเป็นกระจกมองออกไปอาคารเช็คอิน อีกด้านเป็นที่ตักอาหารครับ ใครที่เคยชินกับเล้าจ์ของ Qantas และ British Airways ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของสนามบินจะเห็นเลยว่าการจัดมุม แทบเหมือนกัน 100%
![]() |
เดินเข้ามาโซนแรกที่เจอคือมุมนี้ครับ โซฟา ห่างไกลอาหารหน่อย แต่ก็น่านั่งดี |
![]() |
มุมนั่งทานอาหารแบบโต๊ะสูง ๆ ด้านในสุด |
![]() |
มองย้อนกลับมามุมตักอาหาร |
![]() |
ห้องน้ำชาย ใช้ได้แค่สองคนพร้อมกัน (ดีกว่าเล้าจ์ CIP ที่บางอันไม่มีห้องน้ำ) |
โซนของกิน
สำหรับโซนอาหารจัดเป็นสไตล์ช่วยตัวเอง คือต้องเดินมาตักเอง เช่นเดียวกับเล้าจ์ชั้นธุรกิจทั่วไป โดยอาหารแบ่งออกเป็น 3 มุมหลัก ๆ ครับ คือมุมเครื่องดื่ม, อาหารว่าง, และอาหารแบบเอาจริงเอาจัง หากเปรียบเทียบกับเล้าจ์ Royal Silk ของการบินไทยที่สุวรรณภูมิแล้ว บอกได้เลยครับว่าเหนือกว่าอย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว (การบินไทยควรเลิกดูถูกลูกค้าด้วยการเอาอาหารไมโครเวฟ ติ่มซำของซีพี มาเสิร์ฟให้ผู้โดยสารในเล้าจ์ก่อนเป็นอันดับแรก)
![]() |
เค้าเตอร์ของกิน |
![]() |
มุมชา ใช้ชายี่ห้อ Dilmah มีกาต้มน้ำร้อนให้กดน้ำร้อนได้ |
![]() |
กาแฟที่นี่เลือกใช้ของ Illy มีเครื่องทำกาแฟอัตโนมัติให้ และก็มีบาร์เล็กๆ ให้จัดกันเอง มีไวน์ขาวและไวน์แดงแช่ไว้อยู่ (เกรดไม่ค่อยดีนะ) หยิบรินเองได้ตามอัธยาศัย |
![]() |
ตู้นี้คือตู้อาหารที่คุ้นเคยถ้าชอบบินการบินไทย มันคือตู้เก็บพายต่าง ๆ นี่เอง แต่ที่นี่มีไก่ทอด Karage และปอเปี๊ยะกุ้งทอดให้เลือกด้วย ทางขวา มีม่าม้าคัพ |
![]() |
อาหารพวกคานาเป้ กับ finger food ครับ มีแซนวิชการบินไทยสไตล์ด้วย แต่ที่นี่มีแซนวิชปลาแซมมอนด้วยนะ การบินไทยไม่มีให้ |
![]() |
ข้าง ๆ ก็มีมุมขนมปัง และมุมสลัดเล็ก ๆ สำหรับทำซีซ่าสลัดเอง |
![]() |
ของหวานครับ มีเค้ก Red velvet, บราวนี่ ฯลฯ และก็มีชีสกับแครกเกอร์ด้วย |
![]() |
อาหารซีเรียสหน่อยครับ ทางซ้ายจะเป็นซุปประจำวัน (วันที่ไปเป็นเกี๊ยวกุ้ง) ถัดมาคือหมูกรอบและฉู่ฉี่ปลา |
![]() |
สรุป
เล้าจ์ The Wisdom ของธนาคารกสิกรไทยแห่งแรกที่ตั้งอยู่ภายในสนามบิน เป็นเล้าจ์ที่อยู่ในเกณฑ์ดีเลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอาหารที่ถือว่าดีค่อนข้างจะมาก เปรียบเทียบได้พอ ๆ กับเล้าจ์ของสายการบิน Qantas เลยทีเดียวที่สุวรรณภูมิเลยทีเดียว
ในส่วนของอาหาร ถ้าหากมาดูความหลากหลาย เล้าจ์แห่งนี้ถือว่าค่อนข้างครบ เพราะมีทุกอย่างที่ผู้โดยสารน่าจะต้องการ ตั้งแต่บาร์เล็ก ๆ สำหรับคนที่ต้องการเอ็นจอยและเตรียมตัวหลับบนเครื่อง มาจนถึงกาแฟ ชา ซึ่งต่างก็เลือกของที่มียี่ห้อระดับดีมาใช้ ในส่วนของของทานเล่น ก็ครบตั้งแต่ซุป สลัด ผลไม้ พาย มาจนถึงอาหารจานหลัก ซึ่งมีข้าว พร้อมกับแกงสองอย่าง และหมูกรอบ สำหรับผู้โดยสารที่มีเด็กมาด้วย ก็มีพวกไอศกรีม โยเกิร์ตให้อยู่แล้ว
สำหรับเรื่องที่นั่ง เก้าอี้ส่วนมากยังถูกจัดกลุ่มไปเป็นกลุ่มละ 4 ที่ ซึ่งอาจจะสร้างปัญหาในอนาคตกรณีที่มีคนใช้เล้าจ์มากขึ้น ถ้าหากมีผู้โดยสารที่เดินทางคนเดียว มานั่งเก้าอี้ที่จัดกลุ่ม 4 ที่ ก็จะทำให้ต้องเกิดการขอแจมโต๊ะ ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วก็ไม่ค่อยได้เห็นคนกล้าเข้ามาขอแจมใช้โต๊ะกันเสียเท่าไหร่ในประเทศไทย ในจุดนี้ผมเห็นการบินไทย ได้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดที่นั่งในเล้าจ์ฝั่ง E ของตัวเองให้เป็นเก้าอี้เดี่ยวและคู่มากขึ้น
ปัจจุบัน เราเห็นการจัดเก้าอี้ของเล้าจ์ที่หลากหลายมากขึ้น เล้าจ์ The Wisdom เองก็เหมือนจะสนองในจุดนี้ได้ดีมาก คือมีเก้าอี้ให้เลือกหลัก ๆ อยู่ 4 แบบ คือแบบเป็นโต๊ะร้านอาหาร, โต๊ะกินกาแฟ (โต๊ะเตี้ยเล็ก + เก้าอี้โซฟา), โต๊ะนั่งเล่น (โต๊ะเตี้ยแต่ใหญ่ + เก้าอี้โซฟา) และโต๊ะบาร์ ซึ่งเหมาะสำหรับคนมาคนเดียว นั่งทำงานไป ดื่มไป ฯลฯ ซึ่งถือว่าเกือบครบฟังก์ชั่นของเล้าจ์ชั้นนำทั่วโลกแล้วครับ จะขาดอย่างเดียวคือมุมหลับ แต่ด้วยขนาดของเล้าจ์ กับความต้องการที่จะให้บริการลูกค้าเยอะ ๆ จึงอาจไม่จำเป็นต้องแบ่งพื้นที่ให้คนได้หลับ
สุดท้ายคือเรื่องบริการ เล้าจ์แห่งนี้เป็นเล้าจ์ที่ผู้โดยสารต้องเดินไปตักอาหารเองแนวบุฟเฟท์ ซึ่งเอาจริงๆ หลายๆ คนชอบแบบนี้มากกว่า เพราะอยากเลือกเอง, เกรงใจพนักงาน ฯลฯ จึงพูดเรื่องบริการได้ไม่มาก แต่เรื่องการเดินเข้ามาเก็บจานให้ การเช็คอิน และการมาเดินเติมอาหาร เล้าจ์นี้ถือว่าเยี่ยมมากครับ ไม่ปล่อยจานวางบนโต๊ะค้างไว้นาน ๆ เหมือนพวกเล้าจ์ในโซนยุโรป หรือปล่อยให้ที่ตักอาหารว่าง ๆ เหมือนเล้าจ์ D ของการบินไทย
เล้าจ์ The Wisdom ของธนาคารกสิกรไทยแห่งแรกที่ตั้งอยู่ภายในสนามบิน เป็นเล้าจ์ที่อยู่ในเกณฑ์ดีเลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอาหารที่ถือว่าดีค่อนข้างจะมาก เปรียบเทียบได้พอ ๆ กับเล้าจ์ของสายการบิน Qantas เลยทีเดียวที่สุวรรณภูมิเลยทีเดียว
ในส่วนของอาหาร ถ้าหากมาดูความหลากหลาย เล้าจ์แห่งนี้ถือว่าค่อนข้างครบ เพราะมีทุกอย่างที่ผู้โดยสารน่าจะต้องการ ตั้งแต่บาร์เล็ก ๆ สำหรับคนที่ต้องการเอ็นจอยและเตรียมตัวหลับบนเครื่อง มาจนถึงกาแฟ ชา ซึ่งต่างก็เลือกของที่มียี่ห้อระดับดีมาใช้ ในส่วนของของทานเล่น ก็ครบตั้งแต่ซุป สลัด ผลไม้ พาย มาจนถึงอาหารจานหลัก ซึ่งมีข้าว พร้อมกับแกงสองอย่าง และหมูกรอบ สำหรับผู้โดยสารที่มีเด็กมาด้วย ก็มีพวกไอศกรีม โยเกิร์ตให้อยู่แล้ว
สำหรับเรื่องที่นั่ง เก้าอี้ส่วนมากยังถูกจัดกลุ่มไปเป็นกลุ่มละ 4 ที่ ซึ่งอาจจะสร้างปัญหาในอนาคตกรณีที่มีคนใช้เล้าจ์มากขึ้น ถ้าหากมีผู้โดยสารที่เดินทางคนเดียว มานั่งเก้าอี้ที่จัดกลุ่ม 4 ที่ ก็จะทำให้ต้องเกิดการขอแจมโต๊ะ ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วก็ไม่ค่อยได้เห็นคนกล้าเข้ามาขอแจมใช้โต๊ะกันเสียเท่าไหร่ในประเทศไทย ในจุดนี้ผมเห็นการบินไทย ได้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดที่นั่งในเล้าจ์ฝั่ง E ของตัวเองให้เป็นเก้าอี้เดี่ยวและคู่มากขึ้น
ปัจจุบัน เราเห็นการจัดเก้าอี้ของเล้าจ์ที่หลากหลายมากขึ้น เล้าจ์ The Wisdom เองก็เหมือนจะสนองในจุดนี้ได้ดีมาก คือมีเก้าอี้ให้เลือกหลัก ๆ อยู่ 4 แบบ คือแบบเป็นโต๊ะร้านอาหาร, โต๊ะกินกาแฟ (โต๊ะเตี้ยเล็ก + เก้าอี้โซฟา), โต๊ะนั่งเล่น (โต๊ะเตี้ยแต่ใหญ่ + เก้าอี้โซฟา) และโต๊ะบาร์ ซึ่งเหมาะสำหรับคนมาคนเดียว นั่งทำงานไป ดื่มไป ฯลฯ ซึ่งถือว่าเกือบครบฟังก์ชั่นของเล้าจ์ชั้นนำทั่วโลกแล้วครับ จะขาดอย่างเดียวคือมุมหลับ แต่ด้วยขนาดของเล้าจ์ กับความต้องการที่จะให้บริการลูกค้าเยอะ ๆ จึงอาจไม่จำเป็นต้องแบ่งพื้นที่ให้คนได้หลับ
สุดท้ายคือเรื่องบริการ เล้าจ์แห่งนี้เป็นเล้าจ์ที่ผู้โดยสารต้องเดินไปตักอาหารเองแนวบุฟเฟท์ ซึ่งเอาจริงๆ หลายๆ คนชอบแบบนี้มากกว่า เพราะอยากเลือกเอง, เกรงใจพนักงาน ฯลฯ จึงพูดเรื่องบริการได้ไม่มาก แต่เรื่องการเดินเข้ามาเก็บจานให้ การเช็คอิน และการมาเดินเติมอาหาร เล้าจ์นี้ถือว่าเยี่ยมมากครับ ไม่ปล่อยจานวางบนโต๊ะค้างไว้นาน ๆ เหมือนพวกเล้าจ์ในโซนยุโรป หรือปล่อยให้ที่ตักอาหารว่าง ๆ เหมือนเล้าจ์ D ของการบินไทย
No comments:
Post a Comment