เมื่อช่วงสงกรานต์ปี 2013 ผมได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับครอบครัว ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาอะไรจนกระทั่งวันหนึ่งมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง นั่นก็คือการทำพาสปอร์ตหาย แต่ที่แย่ไปกว่านั้น คือดันทำพาสปอร์ตหายในเพียงแค่ 18 ชั่วโมงก่อนเที่ยวบินบินกลับไทยพอดี ผมเลยอยากจะเขียนถึงวิธีการแก้ไขปัญหาในครั้งนั้น ซึ่งผิดแปลกกว่าปรกติตรงที่ผมแทบจะสื่อสารกับคนที่ช่วยผมเลยแทบไม่ได้ และบทเรียนที่ผมเรียนรู้สำหรับการเดินทางครั้งต่อไป หากเกิดเหตุในลักษณะเดียวกันอีก
จุดเริ่มต้นของเรื่อง
วันที่ผมทำพาสปอร์ตหาย เป็นวันเกือบสุดท้ายของทริปพอดี เรียกได้ว่าเป็นวันที่ครอบครัวผมใช้เก็บรายละเอียดจากการเที่ยวทั้งหมด คืออะไรไม่ได้ทำ ไม่ได้กิน ไม่ได้ซื้อ ก็รีบจัดการเสียให้เสร็จภายในวันนี้ ตารางการเที่ยววันนั้นจึงค่อนข้างแน่นและสับสนเล็กน้อย
ตัวผมเองก็มีตารางที่ไม่เหมือนกับคนอื่นในครอบครัว เพราะผมต้องเจอเพื่อนถึงสองกลุ่มในวันเดียวกันอีก โดยกลุ่มแรกเจอกันแถว ๆ Akihabara ตอนเที่ยงเพื่อหาขนมกินและแวะดูของเล่น ๆ ส่วนอีกกลุ่มไปนัดเจอกันที่ย่าน Ginza ก่อนแล้วค่อยต่อด้วย Hard Rock Cafe ย่าน Ueno ตอนเย็น
ตอนแรก ผมก็ไปทานข้าวเที่ยงกับครอบครัวก่อน ซึ่งวั้นนั้นเลือกที่จะไปกินสเต็คที่ร้านไหนไม่รู้ที่คนไทยชอบไปกัน วันนั้นผมจำด้วยความที่ว่ากะจะไปช็อปปิ้งพวกของแบรนด์อะไรต่าง ๆ ในวันนั้น เลยได้พกพาสปอร์ตเผื่อไปทำ TAX Refund
 |
ร้านอะไรหว่าจำไม่ได้ มีแต่ภาพ :P |
ทีนี้หลังจากที่กินข้าวเสร็จเกิดการเปลี่ยนใจ และเถียงกันเล็กน้อย ว่าจะไปไหนต่อหรืออย่างไร ตอนแรกทุกคนกะจะไปเดินย่าน Akihabara แล้วต่อด้วย Giza ต่อ แต่เพราะบางคนเหนื่อยอยากจะกลับไปโรงแรมก่อน โดยทั้งหมดนี้เกิดระหว่างตอนนั่งอยู่บนรถไฟสาย Yamanote Line พอดี ด้วยความที่เราเกรงใจคนบนรถไฟไม่อยากจะพูดอะไรเสียงดัง และความรีบร้อนเล็กน้อยและไม่ได้คุยกันอย่างละเอียด พอรถไฟบังเอิญผ่านสถานี Akihabara ระหว่างตกลงเรื่องกันอยู่พอดี ผมก็เลยโดดออกจากรถไฟก่อนเลย โดยส่งสัญญาณมือบอกกับพ่อแม่ว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันทาง SMS ถ้ามีแผนอะไรต่อ