แต่ขอเกริ่นก่อน คือนักเรียนที่เป็นเจ้าของกระทู้คนนี้เขาต้องการเขียนเตือนใจนักเรียนที่ออกไปเรียนต่างประเทศ แล้วไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ กลับตัดสินใจใช้เงินของตัวเองหรือพ่อแม่ผู้ปกครอง ไปใช้บริการ "รับจ้างเขียนการบ้าน" หรือบางคนไปไกลถึงขั้นใช้บริการ "รับจ้างเขียนวิทยานิพนธ์" ซึ่งผลสุดท้ายสิ่งที่ตามมาอย่างเร็วสำหรับเจ้าของคนนี้คือการโดนคนที่เขาจ้างเรียกค่าไถ่ พร้อมกับแบล็กเมลว่าถ้าไม่ยอมจ่ายค่าไถ่ จะเอาหลักฐานไปแจ้งกับมหาวิทยาลัย ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วถ้าถูกมัดตัวได้ ก็นอกจากจะไม่ได้ปริญญาแล้ว อาจจะโดนแบนถาวรจากมหาลัยอื่นตลอดชีพเลยทีเดียว
![]() |
ตัวอย่างโฆษณาบริการประเภท Ghostwriting |
ขอเข้าประเด็นที่ผมสงสัยเลยละกันครับ จากการสังเกตรอบตัวล้วน ๆ ผมมีความรู้สึกว่าการที่นักเรียนไทยในเมืองนอกหลายคนชอบจ้างพวก ghostwriters มาทำการบ้าน เขียน essay และปั่นวิทยานิพนธ์ให้นี้อาจจะเกิดจากการไม่ได้รับการอบรมในเรื่องของ plagiarism หรือการคัดลอกหรือขโมยผลงานของคนอื่น ดีพอ โดยในที่นี้ผมไม่ได้ต้องการจะกล่าวโทษผู้ปกครองหรือครูนะครับ แต่ผมอยากโยนความรับผิดชอบในเรื่องนี้ให้กับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในประเทศไทย และรวมไปถึงหลักสูตรการเรียนการสอนของประเทศไทยมากกว่า
ทำไมผมถึงพุ่งเป้าไปที่ระบบการศึกษาของประเทศไทยเสียมากกว่าตัวบุคคล? เพราะว่าจากการสังเกตรอบตัวล้วน ๆ (ขอย้ำอีกที) จากการพูดคุยกับนักเรียนไทยหลาย ๆ คนที่ศึกษาในต่างประเทศ มุมมองเรื่องการใช้ ghostwriters กับ plagiarism ของนักเรียนไทยที่จบจากโรงเรียนอินเตอร์ในไทย กับนักเรียนไทยที่จบจากระบบหลักสูตรไทยมันต่างกันมากอย่างน่าเหลือเชื่อครับ และทำไมถึงเป็นแบบนี้? เพราะว่าหลักสูตรไทยเราไม่เคยเน้นเรื่องความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญา และโทษของการทำขโมยงานของคนอื่นมาใช้ตั้งแต่ยังอายุน้อย ๆ
หลักสูตรอินเตอร์ที่ผมคุ้นเคย ตั้งแต่ระบบ IGCSE มาจนถึง IB จะมีการบอกย้ำนักเรียนทุกครั้งเสมอเวลาที่นักเรียนจะต้องเขียนงานส่งครูตั้งแต่ ม.3 ว่าการก็อปปี้งานมาส่งมีความผิดรุนแรงขนาดไหน และเขาก็บอกด้วยว่าสมัยนี้มันมีเทคโนโลยีในการตรวจจับการนำข้อมูลคนอื่นมาใช้ที่แม่นยำขนาดไหน โดยโรงเรียนมัธยมที่ผมเรียนในจังหวัดเชียงใหม่ บังเอิญโชคดีที่ครูมีซอฟต์แวร์ Turnitin ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ตรวจจับ plagiarism ที่มหาวิทยาลัยหลายที่เอามาให้นักเรียนได้ลองตรวจงานตัวเองดูก่อนส่ง
![]() |
หน้าจอของ Turnitin ก็อปใครจากไหนบอกได้หมด |
เพราะสำหรับผมเอาจริง ๆ แล้ว นักเรียนที่อยากจะโกง ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนอินเตอร์หรือนักเรียนไทย ก็ย่อมหาทางโกงอยู่ดี แต่ผมว่าปัญหานี้บางครั้งมันอาจจะลดลง ถ้าหากนักเรียนเหล่านี้รู้ว่าทุกวันนี้รู้ถึงคุณค่าของการผลิตผลงานที่เป็นของตัวเอง และใช้การอ้างอิงที่ถูกต้อง (ผมจำได้โรงเรียนไทยสอนแต่วิธีการเขียนอ้างอิง แต่ไม่บอกถึงความสำคัญ และบทลงโทษ ความผิดตามกฎหมาย) มันมีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจจับนักเรียนที่กระทำผิดได้ โดยให้เรียนรู้แต่แรก ๆ เลยว่าการทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง เพราะมันถือว่าเป็นการโจรกรรม แต่ถ้ายังจะทำอีก ก็ยังสามารถโดนจับได้
แล้วผมนำประเด็น plagiarism มาโยงเข้ากับ ghostwriting ทำไม? เพราะผมเชื่อว่าคนที่รู้จัก plagiarism กับระบบตรวจจับการขโมยผลงานคนอื่นดีพอ น่าจะสามารถช่างน้ำหนักแล้วตัดสินใจได้ดีกว่าคนที่ไม่รู้เรื่องนี้ดีพอถึงความเสี่ยงของการให้งานของตัวเองอยู่กับมือของบุคคลอื่นที่เราไม่อาจรู้จัก
คำถามที่สำคัญ คือคุณจะมีทางรู้หรือไม่ว่าคนที่เราได้จ้างทำการบ้านหรือจ้างทำวิทยานิพนธ์เขาจะไม่เอาผลงานเดียวกันที่เขาทำให้เรานี้ ไปขายให้กับนักเรียนคนอื่นที่กำลังทำโปรเจคหรืองานใกล้เคียงกับเราอยู่ ถ้าหากเขาทำจริง เราจะไม่มีทางตรวจสอบได้เลยต่อให้เรามี Turnitin ติดอยู่กับมือ เพราะว่างานเหล่านี้จะยังไม่อยู่ในฐานข้อมูล จนกว่าจะถูกนำส่งเข้าระบบของมหาวิทยาลัย (แล้วเมื่องานสองชิ้นนั้นถูกส่งเข้าไป ถ้าระบบมันเจอคุณจะทำอย่างไร?)
นี่เรายังไม่พูดถึงเรื่องของคุณภาพของงานที่ออกมา ว่ามันจะดีแค่ไหน เพราะเขาไม่ได้มานั่งในห้องเรียนเดียวกันกับเรา เขาไม่มีทางรู้ว่าเรากำลังเรียนเรื่องอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับปริญญาโท นี่ยังไม่นับถึงความเสี่ยงในเรื่องของการโดนหลอก (เหมือนกรณีเจ้าของกระทู้นั้นใน Pantip โดนไป) หรือกรณีเบี้ยว แล้วเขากลับทำไม่เสร็จ แล้วเรากลับไม่มีงานส่งเมื่อถึงเวลาส่งงาน
สรุป
ผมว่าระบบการศึกษาของไทยเราไปเน้นสอนและอบรมผิดทางหรือเปล่า (อย่างการท่องจำค่านิยมกี่ประการอะไรนั่น) จนมองข้ามเรื่องที่สำคัญอย่างการขโมยผลงานคนอื่นไปใช้กัน เราเก่งกับการท่องจำศีลธรรมอันดีงาม จนลืมการ work ethics หรือจริยธรรมในการทำงานสากลไปแล้ว?
ผมเข้าใจดีว่าประเด็นนี้อาจจะสามารถขยายความไปถึงเรื่องทัศนคติของคนไทย และคนเอเชียต่อการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หรือลิขสิทธิ์ต่าง ๆ ซึ่งอาจส่งผลทำให้การเรียงลำดับความสำคัญในการเรียนการสอนของระบบการศึกษาของประเทศภูมิภาคเรา ละเลยหรือบั่นทอนความสำคัญของการผลิตผลงานที่เป็นของตัวเอง หรือ production of original work ลงในระดับชั้นมัธยมศึกษา
ถ้าจะให้สรุปสั้น ๆ จากการสังเกตกับ "กลุ่มตัวอย่าง" รอบตัว ผมเห็นว่าการอบรมเรื่องการขโมยผลงานของคนอื่นในระดับชั้นมัธยม มันน่าจะลดเคสการจ้างเขียนวิทยานิพนธ์ของคนไทยลงได้บ้าง เพราะว่าช่วงชั้นมัธยม เป็นช่วงที่นักเรียนจะเริ่มมีงานประเภทค้นคว้า ฝึกทั้งการผลิตผลงานที่เป็นของตัวเองจนเป็นนิสัยได้ และถ้าหากนักเรียนรู้ถึง "ผลกรรมที่ตามมา" จากการไปจ้างคนอื่นทำงานได้เร็วแค่ไหน ก็ยิ่งดีครับ
มหาวิทยาลัยใช้ Turnitin กันหมดอยู่แล้วครับ
ReplyDeleteประเด็นอยู่ที่มัธยมครับ
ReplyDeleteผมว่ามันเป็นวงจรที่สะท้อนไปมาระหว่างสังคมไทยโดยรวม ซึ่งไม่ค่อยตระหนักว่าการคัดลอกมันผิด เลยถ่ายทอดกลับมาสู่ระบบการศึกษาที่ไม่เน้นเรื่องนี้เท่าที่ควร และเราก็ผลิตปัญญาชนที่ละเลยเรื่องนี้ออกมาสู่สังคมอีกรอบ ราวไก่กับไข่
ReplyDelete