ปัญหาทั้งหมดนี้มันเริ่มจากวันศุกร์ปลายเดือนตุลาคม ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลปล่อยผีพอดี หลังจากที่ผมได้นั่งดื่มกับเพื่อนย่านถนนหลังสวนได้ซักพัก ทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันกลับ ด้วยความโลกสวย ผมก็คิดว่าการโบกแท็กซี่กลับบ้านไม่น่าจะลำบากเท่าไหร่นัก เนื่องจากว่ามันดึกแล้ว และรถไม่ติด แต่ปรากฎว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเรียกว่าตรงกันข้ามเลยก็ได้
![]() |
ผมจึงตัดสินใจย้ายจุดเรียกแท็กซี่ไปจุดที่น่าจะมีรถแท็กซี่ผ่านมากกว่าเดิม คือเดินย้อนเลยไปทางถนนสุขุมวิท พยายามเรียกแท็กซี่บนถนนฝั่งซอยเลขคี่ ที่จะมุ่งหน้าสู่สถานีทองหล่อที่ผมต้องการไปอยู่แล้ว ซึ่งจุดนี้เอาจริง ๆ แล้วมันไม่ยากเลยที่คนขับแท็กซี่จะสามารถขับไปยังปลายทางของผมได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที เพราะรถก็ไม่ได้ติดสาหัสอะไรมากนัก แต่ตลอดระยะเวลาที่ผมพยายามเรียกแท็กซี่ ตั้งแต่บริเวณจุดกลับรถถนนสุขุมวิทใกล้กับจุดขึ้นทางด่วนเพลินจิต ยาวมาจนถึงเลยสถานีนานาไปแล้วนิดหนึ่ง ไม่มีเลยครับแท็กซี่ที่จะยอมรับผมไป แต่ที่เริ่มมีแล้วคือการแข่งขันของผู้โดยสาร ต่างคนต่างพยายามหาทางกลับบ้านกัน คงเป็นเพราะว่าช่วงเวลานั้นประมาณตีหนึ่งครึ่ง คือเวลาที่คลับต่าง ๆ เริ่มปิดพอดี
ที่น่าขันก็คือผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่ได้ไกลมากสำหรับแท็กซี่ จะมีปัญหาไม่สามารถกลับบ้านได้ จุดที่ผมมายืนรอแท็กซี่ตอนนี้อยู่ที่ตรงหน้าห้าง Terminal 21 ฝรั่งแถวนั้นที่เพิ่งปาร์ตี้เสร็จพยายามกลับคอนโดแถวเอกมัยบอกกับผมว่าเรียก 10 กว่าคันแล้วไม่มีคันไหนยอม แต่เดี๋ยวถ้าเขาเริ่มทนไม่ได้เขาจะเสนอราคาเหมา ไม่สนว่าเปิดมิเตอร์แล้ว
ครับ แป๊บเดียวฝรั่งคนนี้ก็ได้ขึ้นรถแท็กซี่ในที่สุด แต่ราคาที่เขาต่อรองกับแท็กซี่คันนั้นคือ 300 บาท ซึ่ง ณ จุดนั้นผมก็อดขำและเศร้าพร้อม ๆ กันไม่ได้ว่าแม่งประเทศนี้ระบบขนส่งมันช่างเฮ็งซวยจริง ๆ และถ้าผมมีรถยนต์ผมคงถึงบ้านสบาย ๆ แล้ว แต่แน่นอน มันก็หมายความว่าผมจะสามารถกลับบ้านได้ก็ต่อเมื่อผมขับรถกลับเอง ทั้ง ๆ ที่ยังมีแอลกอฮอลในเลือดอยู่ ไม่รู้จะเรียกว่าระบบขนส่งสาธารณะกับพวกแท็กซี่เห็นแก่ตัวเหล่านี้มันบังคับให้เราต้อง “เมาแล้วขับ” หรือเปล่า
สุดท้ายด้วยความที่ถอดใจ ไม่อยากเดินข้ามแยกอโศก และไม่อยากเดินต่อไปอีก 2 สถานีแล้ว ผมเลยยอมเรียกวินมอเตอร์ไซค์แถวนั้นแทน และสุดท้ายก็ได้กลับบ้านสมใจด้วยราคา 80 บาท ซึ่งฟังดูสมเหตุสมผลกว่าแท็กซี่แถวนั้นที่กะจะฟันอย่างน้อย 200 บาทให้ได้ กับการขับรถตรงไปเรื่อย ๆ อย่างเดียวเพียงระยะทางแค่ 2 กิโลเมตรกว่า ๆ เท่านั้น
มันน่าเศร้าครับว่าชีวิตในกรุงเทพบางครั้งมันยากกว่าที่เราคิดเยอะ ผมมันโลกสวยไปเองที่ว่าเมืองไทยมันอยู่ง่ายและสบายกว่าการอยู่เมืองใหญ่ในต่างประเทศ ไม่ว่ามันจะเป็นภาวะตลาดที่ไม่สมบูรณ์ของระบบแท็กซี่เมืองไทยตามที่ผมได้เคยเขียนบล็อกไว้แล้ว หรือความเห็นแก่ตัวของแท็กซี่ หรือไม่ก็ช่วงเวลานั้นมันพีคสุด ๆ จนระบบขนส่งโคม่าชั่วคราว (เพราะอย่าลืม มันเป็นวันศุกร์ปลายเดือน บวกกับฮาโลวีนและวันเปิดตัวไอโฟน 6 ฮา)
บทเรียนที่ได้รับจากคืนนั้นคือ
- ถ้าเป็นวันศุกร์ปลายเดือน ควรกลับบ้านก่อนบีทีเอสจะปิด
- ถ้าเป็นวันศุกร์ปลายเดือน แล้วอยากอยู่ดึก ไม่ควรดื่ม แต่ควรเอารถยนต์มาขับเอง เพราะแท็กซี่แทบจะไม่รับกลับเลย
- อย่าคิดว่าการที่เรามีบริการรถแท็กซี่อย่าง Uber และ GrabTaxi จะช่วยอะไรเราได้ เพราะวันนั้น Uber ไม่มีรถให้บริการเลย ส่วน GrabTaxi เองมีรถให้บริการเพียบ แต่ไม่มีใครยอมกดรับลูกค้าเลยซักคน
- เสียน้อยเสียยาก แล้วยอมจ่ายเงินให้แท็กซี่เยอะ ๆ แต่แรกตั้งแต่อยู่ซอยหลังสวน คงไม่เสียเวลาเดินย้อนกลับมา เพราะว่ายังงัยเดินเข้ามาใกล้ปลายทางมากแค่ไหน ราคาเหมาก็คง 300 บาทเหมือนเดิม ไม่ถูกลงมาเลย
- ตอนดึก ๆ การเดินย่านนานากับอโศกไม่น่ากลัวอย่างที่คิด คึกคักและคนเยอะมาก แต่มันจะเริ่มน่ากลัวตรงระหว่างสถานีพร้อมพงศ์กับทองหล่อ
Note: ภาพประกอบจาก Nanathailand.com
อยากชวนคนประท้วง Taxi ค่ะ
ReplyDelete