มาแล้วที่กรุงเทพ "Uber" บริการแท็กซี่ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วรอบโลก

ก่อนหน้านี้ผมเคยได้เขียนไปเกี่ยวกับเรื่องปัญหาแท็กซี่ในกรุงเทพ (ไปอ่านได้ที่นี่) ที่นอกจากจะมีปัญหาเรื่องทั่วไปที่แท็กซี่ทั่วโลกมีอย่างปัญหาความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และความชำนาญในการขับขี่แล้ว ยังจะมีปัญหาอื่น ๆ เช่น ปัญหาไม่ยอมเปิดมิเตอร์ ปัญหาไม่ยอมรับผู้โดยสารคนไทย และปัญหาไม่ยอมไปส่งเส้นทางที่ผู้โดยสารต้องการ

ตอนนี้ Uber บริษัทไอทีที่ได้สร้างชื่อเสียงทั่วโลกเรื่องของการเปลี่ยนโฉมวงการแท็กซี่และขนส่งมวลชนในเมืองต่าง ๆ ได้เปิดให้บริการในเมืองไทยแล้ว โดยเริ่มที่กรุงเทพก่อนเป็นเมืองแรกของประเทศไทย

ภายในของแท็กซี่ Uber ทุกคันในไทย จะพบ iPad mini!

อะไรคือ Uber?

Uber เรียกง่าย ๆ คือแอพที่ใช้เรียกแท็กซี่ผ่านทางสมาร์ทโฟน (ใครมี iOS หรือ Android สามารถโหลดใชไ้ด้เลย) โดยผู้เรียกจะต้องทำการสมัครสมาชิกก่อน หลักการใช้งานของมันง่าย ๆ คือลูกค้าที่ต้องการแท็กซี่ สามารถเข้าแอพ และกดปุ่มเรียกแท็กซี่ได้เลย หากมือถือมี GPS ที่ไม่แม่นมากนัก ลูกค้าก็สามารถเลือกปักหมุดจุดที่ต้องการให้แท็กซี่มารับได้


ส่ิงที่ทำให้ Uber สะดวกกว่าผู้ให้บริการรายอื่น ที่ผมได้ลองใช้แล้ว คือ

1. Uber บังคับให้ลูกค้าใส่เลขบัตรเครดิตตอนสมัคร และจะคิดค่าบริการโดยการหักผ่านบัตรเครดิต ข้อดีคือไม่ต้องคุยกับคนขับเรื่องการคิดเงิน หรือราคาเลยแม้แต่น้อย
2. Uber ไม่ได้ใช้รถแท็กซี่ทั่วไป แต่กำหนดแบบของรถยนต์มาเลยว่าจะได้ Benz E Class หรือไม่ก็ Toyota Camry ทำให้ลูกค้าไม่ต้องกลัวว่าจะได้รถเก่า ๆ กาก ๆ หรืออะไร
3. ถ้าคนขับ Uber บริการห่วยจะไม่ได้ขับรถกับ Uber อีก โดยตรวจสอบผ่านระบบให้คะแนนเรทติ้ง ซึ่งในจุดนี้รวมถึง "พนักงานชวนคุยการเมืองไหม" หรือ "พนักงานลงมาเปิดประตูรถให้หรือไม่" ด้วย 

ในรถมีน้ำดื่ม กับผ้าเย็นแจกผู้โดยสารด้วย (ฟรีนะ)

การที่ทุกอย่างทำผ่านการตัดผ่านบัตรเครดิต ทำให้ไม่ต้องมีเงินสดมาเกี่ยวข้องในการใช้บริการของ Uber เลยซักนิด ทำให้ไม่ต้องกลัวเรื่องพกเงินมาไม่พอ อีกข้อดี คือเราไม่ต้องมารู้สึกผิดที่เราไม่ให้ทิปกับคนขับ เพราะว่ากติกาหลักคือทุกอย่างผ่านระบบบัตรเครดิตหมด

ทุก ๆ การใช้งาน Uber จะมีการบันทึกไว้ในระบบเสมอ ว่าแท็กซี่ที่เราขึ้นทะเบียนอะไร คนขับชื่ออะไร เส้นทางที่ใช้ระหว่างการเดินทางเป็นเส้นทางไหน ใช้เวลานานไหม และราคาเท่าไหร่ ทำให้เกิดความโปร่งใสในการคิดเงิน ว่าทุกอย่างเป็นไปตามเรตที่ได้กำหนดไว้แต่แรกโดย Uber อยู่แล้ว

กรณีที่คนขับรถไม่รู้ทาง แล้วต้องวนหาหลายรอบ หรือเลือกเส้นทางที่ไม่เหมาะสม ในเมื่อเส้นทางที่คนขับรถได้ใช้ถูกบันทึกไว้ตลอด ทำให้เราสามารถ "แจ้งว่าค่าแท็กซี่ที่จ่าย ไม่เหมาะสม"​ และขอให้เขาคิดราคาใหม่มาได้ เมื่อถึงบ้านแล้ว เช่น วนที่เดิมซ้ำ ๆ ทำให้เสียเวลา ฯลฯ

ระบบให้คะแนนคนขับ หลังใช้บริการเสร็จแล้ว

โดยปรกติแล้ว เวลาจะเรียกรถ Uber ถ้าเรียกในเขตกรุงเทพชั้นใน จะใช้เวลารอประมาณ 10 นาทีเศษ ๆ โดยเวลาที่รถจะมาถึง จะมี SMS มาบอก หรือไม่คนขับก็จะโทรเข้ามาหาเราโดยตรง

ก่อนจะเรียกใช้รถ Uber เราเห็นเลยว่าจะต้องรอรถนานไหม และเห็นว่ารอบ ๆ เรามีรถกี่คัน
เมื่อเรียกรถแล้ว เราก็จะเห็นแต่รถคันที่จะมาหาเรา ค่อย ๆ เข้าใกล้เรามาเรื่อย ๆ ได้สด ๆ

ตอนนี้ Uber คิดราคาอย่างไร?

หลัก ๆ แล้วตามนี้เลยครับ

• ราคาเริ่มแรก 45 บาท (แท็กซี่ปรกติ กทม คิด 35 บาท)
• ราคาเพิ่ม กม. ละ 9.20 บาท (แท็กซี่ปรกติคิด 5 บาท/กม. ยิ่งนั่งไกลยิ่งแพง สูงสุด 8.50 บาท/กม.)
• ราคาเพิ่มตามนาทีในการนั่งรถ 2.50 บาท 
• ค่ารถขั้นต่ำคือ 75 บาท คือถ้าใช้ระยะทางสั้นแล้วค่ารถต่ำกว่า 75 ก็ต้องจ่าย 75 บาท
• ถ้าเรียกรถไปแล้ว แต่เปลี่ยนใจ จะโดนปรับ 75 บาท

ตามที่ผมเข้าใจ แท็กซี่ในเมืองไทยจะนับเวลาเฉพาะตอนที่รถจอดอยู่นิ่ง ๆ แต่ Uber จะนับเวลาทุกเวลาเท่ากันหมด ไม่ว่ารถจะจอดอยู่หรือไม่

โดยรวมแล้ว ค่าบริการบน Uber ตามที่ผมได้ทดลองใช้ จะแพงกว่าแท็กซี่ปรกติในกรุงเทพ ประมาณ 1.4 เท่าถึง 2.2 เท่า ถ้าเกิดจะเรียก Uber จะสนามบินจะมีราคาที่ Fixed ไว้แล้ว ที่ 1,000 บาท ส่วนไปพัทยา 3,000 บาท 

เรตค่าแท็กซี่ของ Uber ในประเทศไทย

เรตค่าแท็กซี่มิเตอร์ในกรุงเทพ

ข้อดีอื่น ๆ ของ Uber?

ส่วนตัว เวลาอยู่ กทม เวลาออกไปดื่มหรือกินข้าวกับเพื่อนดึก ๆ ผมมักจะเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปต่อ BTS พร้อม ๆ กับเพื่อน กรณีนี้ Uber มีระบบให้เราสามารถหารค่ารถกับเพื่อนได้ด้วยโดยอัตโนมัติ โดยมีข้อแม้ว่าเพื่อนก็ต้องใช้ Uber เช่นกัน

ตัวเลือกที่เรามีหลังจากเรียกรถแล้ว ได้แก่ "หารค่ารถ" และ "โทรหาคนขับ" ฯลฯ

ส่วนเรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากความปลอดภัย ความโปร่งใสในการคิดราคาแล้ว ก็คืออีเมลที่เราได้รับ หลังจากที่เราเดินทางถึงที่หมายแล้ว ซึ่งมีการสรุปการคิดราคาให้อย่างละเอียด แถมยังมีแผนที่แสดงให้เห็นถึงการเดินทางของเราด้วย

ข้อมูลที่ได้รับหลังเดินทาง คือสรุปการเดินทาง การคิดเงินอย่างละเอียด
และมีลิงค์ให้เราเรียกร้อง กรณีที่เราทำของหายในรถ หรือคิดว่าค่าบริการไม่เป็นธรรม

เบื้องหลังของ Uber ทำไมอยู่ดี ๆ มาบริการแท็กซี่ในเมืองไทยได้?

ตอนแรกผมก็คิดว่า เออ แปลกดี วงการแท็กซี่เมืองไทยโคตรมาเฟีย ทำไมอยู่ดี ๆ Uber สามารถให้บริการในเมืองไทยได้

เนื่องจากผมได้ไปงานเปิดตัว Uber มา เลยทราบมาว่า Uber จริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นเจ้าของรถแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงแค่บริษัทไอที ที่มาปรับระบบบริหารจัดการเสียใหม่เท่านั้น

รถของ Uber ทุกคันจริง ๆ แล้วเป็นรถของบริการลีมูซีน (ทะเบียนป้ายเขียว) ปรกติของประเทศไทยนี่เองล่ะครับ และด้วยราคาที่สูงกว่า ทำให้ Uber มันไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงของแท็กซี่ในกรุงเทพเสียเท่าไหร่นัก แต่ถ้าถามว่า Uber ในระยะยาว ถ้าหากสามารถโตได้มากกว่านี้จริง และมีจำนวนผู้ใช้มากขึ้น มีความเป็นไปได้ไหมที่จะเจอดราม่า? คำตอบคือได้ครับ และมีมาแล้วด้วยในฝรั่งเศส เดี๋ยวเก็บไว้มาเล่าในโพสต์ต่อไป

ความสำเร็จรอบโลกของ Uber บอกอะไรกับเรา?

ความคิดเห็นส่วนตัวผมล้วน ๆ เลยนะครับจุดนี้ คือผมเห็นว่าที่ Uber เริ่มขยายตัวไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็วทั่วโลก ก็เกิดมาจากการที่บริการแท็กซี่ทั่วโลกนั้น มีปัญหาที่คล้าย ๆ กันทุกที่ ถ้าหากไม่นับเรื่องปัญหาจราจรทั่วไป นั่นก็คือ ระดับของบริการของคนขับ ความชำนาญ กับการคิดเงิน

เอาจริง ๆ ต่อให้เราอยู่ในเมืองที่พัฒนาที่สุด ของประเทศที่พัฒนาที่สุด เราก็ยังเจอแท็กซี่ที่นิสัยไม่ดี และเลือกที่จะหลอกแดกลูกค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่คนท้องถิ่น ไม่รู้จักเส้นทาง และไม่รู้ธรรมเนียมการคิดค่าบริการของแท็กซี่ เช่น บางประเทศคิดเงินตามจำนวนกระเป๋า (luggage) ที่เรามีเพิ่ม หรือบางประเทศมันเป็นเรื่องปรกติที่ต้องทิปคนขับ

ตอนนี้ ผมอยู่ประเทศอิตาลี ผมก็นึกว่าประเทศนี้ปรกติแล้วคนเขาไม่นิยมทิปแท็กซี่กัน ถ้าจะทิป ก็คงจะทิปเพียงแค่ 1-2 ยูโร หรือปัดขึ้นปัดลงเพียงเล็กน้อยตามความเหมาะสม แต่ไม่ทันไร ผมโดนฟันเรียบร้อยครับ ด้วยปัญหาที่เราเจอกันปรกติในบ้านเราเลย นั่นก็คือ "ไม่มีเงินทอน"

สรุป - สูตรความสำเร็จของ Uber ส่วนหนึ่งคือความแน่นอน การคิดเงินของ Uber ทั่วโลกเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด และแน่นอน ในโลกโลกาภิวัฒน์ที่ประชาชนในแต่ประเทศ เริ่มย้ายถิ่นที่ หรือมาเที่ยวนอกประเทศตัวเองมากขึ้น ย่อมเปิดช่องให้บริการที่สามารถทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกว่าเหมือนอยู่ต่างถิ่นได้ ย่อมได้เปรียบ เช่นเดียวกับ McDonalds หรือ Starbucks ที่เราเห็นร้านสองร้านนี้ที่ไหน ก็รู้ว่าสามารถสั่งเมนูไหนได้ สั่งอย่างไร ได้ทันที

เช่นกัน ราคาบริการของ Uber ที่แพงกว่าบริการแท็กซี่ทั่วไป กับความสำเร็จของ Uber เป็นการยืนยันว่าผู้ใช้แท็กซี่หลายคน ยอมจ่ายราคาที่แพงกว่า เพื่อความแน่นอน และความปลอดภัย

อีกสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ จากการได้อาศัยอยู่มาหลายประเทศแล้ว คือ ไอ้ปัญหาแท็กซี่ต่าง ๆ ที่เราเจอกันในบ้านเรา เช่น พาวน ไม่เปิดมิเตอร์ หยาบคาย โกงเงินทอน ฯลฯ มันไม่ใช่ปัญหา Thailand Only เลยครับ แต่เพียงแต่บ้านเรามันไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับลูกค้า จนกระทั่งวันนี้ ที่เราสามารถใช้ Uber ได้แล้ว!