Saturday, 19 April 2014

เที่ยวลอนดอนอย่างโปร ตอนที่ 2: เดินทางในลอนดอน คำแนะนำในการใช้ Tube รถไฟใต้ดิน บัส และระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ

หลังจากที่ดองมานาน ก่อนหน้านี้ผมได้เขียนบทความชุด “เที่ยวลอนดอนอย่างโปร” โดยในตอนที่แล้วผมได้คุยเรื่องร้านอาหาร ตอนนี้ในที่สุดผมก็ว่างมีเวลาที่จะมาเขียนตอนต่อแล้วครับ โดยในตอนนี้ผมขอเขียนเรื่อง “เดินทางภายในลอนดอนอย่างไรง่ายที่สุด”

เมืองลอนดอนมีระบบขนส่งสาธารณะมากมาย แม้ว่าระบบใต้ดิน (Underground) จะมีชื่อเสียงที่สุด
แต่จริงๆแล้ว ลอนดอนมีทั้งบัส จักรยาน เรือ รถราง รถไฟลอยฟ้า (Overground) รถไฟ DLR และรถไฟ Thameslink
ลอนดอนสำหรับหลาย ๆ คน หรือแม้กระทั่งคนลอนดอนเอง เป็นเมืองที่ระบบคมนาคมที่ซับซ้อนมาก โดยเฉพาะการเดินทางด้วยระบบรางและบัส แต่ในความซับซ้อนก็ตามมาด้วยความสะดวก ที่คนลอนดอนมี ซึ่งผมเชื่อว่าลอนดอนจริง ๆ ถ้าอยู่ในเขตตัวเมืองแล้ว พูดได้ว่าเดินไม่ถึง 100 เมตร ก็จะต้องมีระบบขนส่งสาธารณะอย่างใดอย่างหนึ่งให้ใช้แน่นอน



ต่อไปนี้ผมจะเขียนเป็นขั้น ๆ ครับ ว่าสำหรับมือใหม่ลอนดอนควรจะเริ่มต้นอย่างไรก่อนในการใช้ระบบขนส่งสาธารณะของลอนดอน

ขั้นที่ 1: โหลดแอพชื่อ Citymapper ลงบนมือถือก่อน! (มีให้โหลดทั้งบน iPhone และ Android)


แอพนี้เรียกได้ว่าเป็นแอพเพียงแอพเดียวที่สามารถช่วยชีวิตคนลอนดอนจากภัยงงระบบขนส่งเมืองลอนดอนได้ สิ่งที่แอพนี้หลัก ๆ ทำได้คือ:

  1. มันสามารถบอกได้ว่าเราต้องขึ้นรถไฟสายไหน รถบัสสายไหน เรือสายไหน หรือขึ้นหลาย ๆ อย่างรวมกัน และจะต้องเดินไกลแค่ไหน
  2. มันบอกระยะเวลาที่จะต้องใช้ในการเดินทาง และเวลารถบัสและรถไฟว่ารถคันต่อไปมารอบไหน
  3. ข้อมูลทุกอย่างเป็นข้อมูลสดที่บอกข้อมูลตามจริง ไม่ใช่แค่ข้อมูลจากตารางที่กำหนดแต่แรก
  4. มันคำนวนราคาให้กับเราเลย ว่าจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการเดินทาง
  5. มันยังคำนวนแคลอรี่อีกด้วย ว่าถ้าเราเดิน หรือปั่นจักรยาน เราจะเบิร์นแคลอรี่เท่าไหร่
  6. มันสามารถตรวจสอบได้ว่า ที่จุดจอดจักรยาน Borris Bike ของเมืองลอนดอน จุดไหนมีจักรยานว่างกี่คัน และจุดไหนมีช่องว่างให้จอดจักรยาน
ตัวแอพ Citymapper สามารถโหลดได้ที่เว็บ Citymapper.com ฟรีครับ หรือจะลองใช้ผ่านหน้าเว็บเลยก็ได้

อิจฉาโคตรๆ อยากให้ทุกเมืองทั่วโลกมีแอพนี้

ขั้นที่ 2: ก่อนซื้อตั๋วเดินทาง คิดเสียก่อนว่าจะอยู่ลอนดอนนานแค่ไหน ใช้ขนส่งสาธารณะเยอะไหม และจะเดินทางออกไปนอกโซนกลางเมืองหรือไม่



ลอนดอน เช่นเดียวกับเมืองหลาย ๆ เมืองในโลกตะวันตก ใช้วิธีเก็บค่าเดินทางด้วยการแบ่ง Zone โดยย่านตัวเมืองลอนดอน จะเป็น Zone 1 ส่วนรอบนอกของตัวเมืองออกไปอีกนิดคือ Zone 2 ไกลต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะเป็น Zone 3 จนไปถึงจุดที่ไกลที่สุดคือ Zone 9 ยิ่งเดินข้ามโซนมากแค่ไหน ตั๋วก็จะยิ่งแพงขึ้น

อีกสิ่งที่ต้องคิดคือเรื่องของระยะเวลาของตั๋ว บางคนซื้อตั๋วทุกครั้งที่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ (แต่แบบนี้จะลำบากและแพง ใช้ Oyster Card ดีกว่า ผมจะอธิบายในขั้นที่ 3 ครับ) บางคนใช้วิธีซื้อแบบเหมาไปเลย 1 หรือ 7 วัน (แบบนี้เรียกว่า Travelcards) บางคนเลือกเหมา 30 วันก็มี แต่อย่าลืมว่าตั๋วแบบเหมานี้จะมีราคาต่างกัน โดยแบบถูกสุดจะใช้ได้เฉพาะ Zone 1-2 เท่านั้น แต่ข้อดีของตั๋วเหมาจ่าย มันจะสามารถนำไปใช้ได้กับทุกระบบ ตั้งแต่รถบัส ยันรถไฟใต้ดิน และรถไฟ DLR ได้ (หากอยู่ในโซนตั๋วที่ซื้อมา)

โซนทั้ง 6 โซนที่อยู่ภายในเขต Greater London Authority
สุดท้าย อีกสิ่งที่ต้องคิดคือ: เราจำเป็นไหมที่จะต้องเดินทางด้วยระบบราง? เพราะมันมีตั๋วแบบเหมาจ่ายที่ถูกกว่า นั่นคือตั๋วที่สามารถใช้ได้กับเฉพาะรถบัสเท่านั้น ถ้าหากเป็นคนชอบเดิน และไม่ชอบขึ้นรถไฟใต้ดินของลอนดอน และไม่กังวลเรื่องรถติด ผมว่าตั๋วเหมาจ่ายรถบัสเป็นทางเลือกที่ดีและประหยัดที่สุด

ขั้นที่ 3: ซื้อตั๋ว จะซื้อ Oyster Card ดีหรือไม่?

หลัก ๆ การเดินทางภายในลอนดอนด้วยระบบขนส่งสาธารณะมีสามทางเลือกครับ (ย้ำอีกที)

  1. ตั๋วแบบเดินทางเที่ยวเดียว (single trip) ราคาจะแพงสุดต่อเที่ยว (£4.70 ต่อเที่ยวรถไฟใต้ดิน)
  2. ตั๋วเดินทางแบบเหมาจ่าย (travelcards) เหมาจ่ายไปเลยโดยเลือกโซนและระยะเวลา 1, 7, 30 วัน
  3. ซื้อ Oyster Card บัตรสมาร์ทการ์ดในการเที่ยวลอนดอน เติมเงินเข้าไปได้ ใช้เสร็จคืนเงินได้ หากใช้บัตร Oyster Card เดินทางเที่ยวเดียวในลักษณะเดียวกับบัตร single trip ในข้อแรก ราคาจะอยู่ที่ £2.20 ต่อเที่ยวรถไฟใต้ดิน)

*หมายเหตุ: ราคาที่ว่านี้ คือราคา ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ และใช้ราคาการเดินทางภายใน Zone 1

สำหรับคนที่มาลอนดอนกับผม ผมจะแนะนำเพียงสองอย่างเท่านั้นครับ คือให้ซื้อบัตร Oyster Card ไปเลย หากไม่มั่นใจว่าจะเดินทางในลอนดอนมากน้อยแค่ไหน เพราะว่าค่าเดินทางถูกกว่าแน่นอน และสามารถนำบัตรไปคืนเงินค่ามัดจำบัตร และเงินจำนวนที่เหลือในบัตรได้อีกด้วย .... หรือไม่ ถ้ามั่นใจว่าจะอยู่ลอนดอนไม่เกิน 7 วัน ผมจะแนะนำให้ซื้อ Travelcards ไปเลย เพราะไม่ต้องคิดอะไรอีก ไม่ต้องยุ่งเรื่องการเติมเงิน

แต่สำหรับคนที่ซื้อบัตร Oyster Card ไปแล้ว แล้วเดินทางเยอะกว่าที่คิด เปลี่ยนใจ ก็สามารถเติมเงินเข้าบัตร Oyster Card เพื่อซื้อ travelcards โหลดเข้าไปในบัตรได้เช่นกัน

Oyster Card สามารถซื้อได้ทุกสถานีจากพนักงานหลังเคาท์เตอร์ครับ

*หมายเหตุ 2: ถ้าหากเดินทางแบบเที่ยวเดียวบนรถบัส แบบไม่ได้ซื้อตั๋วล่วงหน้า โปรดเตรียมเศษเหรียญไปด้วยครับ เพราะบัสบางครั้งถ้าทอนเงินลำบากเขาจะไม่ให้เราขึ้นเลย อันนี้แล้วแต่คนขับแต่ละคน อีกเรื่องคือตู้ขายตั๋วอัตโนมัติในลอนดอน จะรับเฉพาะบัตรเครดิต/เดบิตแบบ Chip and PIN เท่านั้น (มันคืออะไร อ่านตรงนี้) ซึ่งธนาคารไทยเรายังไม่ใช่ระบบนี้ เวลาจะซื้อตั๋ว อย่าลืมดูว่าเครื่องขายตั๋วเครื่องนั้นรับธนบัตรหรือไม่ เพราะบางเครื่องไม่รับ บางเครื่องรับแต่บัตรเครดิต/เดบิตเท่านั้นเช่นกัน

ราคาตั๋วแบบจ่ายทีละครั้ง กับแบบเติมเงินเข้าบัตร Oyster Card

ขั้นที่ 4: ก่อนเดินทาง ควรศึกษาอะไรก่อนบ้าง?


หลัก ๆ แล้ว ถ้าไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรลอนดอนมาก ก็ใช้แอพ Citymapper หรือแอพอื่น ๆ ที่คุ้นเคยครับ แอพตัวนี้จะให้ทางเลือกในการเดินทางไปจุดหมายปลายทางเราหลายแบบ หลายคอมโบ ตั้งแต่การเดินอย่างเดียว ไปถึงการขึ้นรถบัส+ใต้ดิน หรือ บัส+บัส (เปลี่ยนรถเอา) ด้วย

ข้อดีของแอพ Citymapper อีกอย่าง คือมันสามารถบอกได้ว่าในลอนดอน มีปัญหาอะไรกับระบบขนส่งไหนบ้าง

ลอนดอนเป็นเมืองใหญ่ ที่มีระบบขนส่งมวลชนที่เก่าแก่โคตร ๆ มากของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวระบบรถไฟใต้ดิน (Underground) ที่คนที่อยู่ลอนดอนอยู่แล้ว จะรู้เลยว่ามันพังบ่อยมาก พังทุกวัน แต่พังเฉพาะส่วนเล็ก ๆ ของทั้งระบบเท่านั้น

อีกอย่างที่ควรระวัง คือทุก ๆ ปลายสัปดาห์ รถไฟลอนดอนบางสายจะปิดทั้งสาย หรือปิดบางสถานี เพื่อให้ทีมวิศวกรของเมืองเข้าไปซ่อมบำรุง และอัพเกรดระบบที่เก่าโคตร ๆ ให้ใหม่ขึ้นครับ อันนี้ผมแนะนำให้ตรวจสอบก่อนล่วงหน้า 3 วัน หากมีแผนเที่ยวที่จำเป็นต้องใช้รถไฟใต้ดินจริง ๆ ในช่วงปลายสัปดาห์

ตรวจสอบตารางเวลาการปิดรถไฟบางสายหรือบางสถานีล่วงหน้าได้จากเว็บนี้ครับ

สถานีนี้ปิดเสาร์อาทิตย์นี้ จะมายืนรอกันทำไมครัซ?

ขั้นที่ 5: เดินทางด้วยความมั่นใจ อย่าลืมยืนชิดขวา แต่ถ้าจะเดิน ให้ชิดซ้ายบนบันไดเลื่อนนะครับ



ขั้นที่ 6: เดินทางในลอนดอนระดับเทพ ทำอย่างไร?

คำเตือน: เฉพาะคนที่สามารถเดินทางได้ระดับเทพจริง ๆ เท่านั้น ถึงควรจะลอง (อิอิ)

  • เวลาขึ้นรถบัส ให้เดินขึ้นชั้นสองไปเลย แล้วนั่งเก้าอี้แถวหน้าสุด วิวดีมาก ฟินครับ
  • บัสรุ่นใหม่ ๆ ที่ตัวบัสโค้ง ๆ มน ๆ (ภาพด้านล่างของโพสต์นี้) ผู้โดยสารสามารถขึ้นรถจากประตูไหนของรถก็ได้ครับ หน้า กลาง หลัง ได้หมด วิวจากบันไดด้านหลังของรถคันนี้ สวยมากเช่นกัน
  • เวลาขึ้นรถไฟใต้ดิน (Underground/Tube) ให้โหลดอีกแอพตัวนึงชื่อ Tube Exits แอพตัวนี้จะบอกให้เราขึ้นรถไฟโบกี้ไหน เพื่อให้ตอนลงที่สถานีปลายทาง เราสามารถเดินออกไปทางออกได้เร็วกว่าคนอื่น (เพราะโบกี้นั้นอยู่ใกล้ทางออก ซึ่งแต่ละสถานีไม่เหมือนกัน)
  • แผนที่รถไฟใต้ดิน หรือ Tube Map ที่จริงแล้วไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับระยะทางระหว่างสถานีในชีวิตจริง จริง ๆ แล้ว ถ้าเราจะเดินทางระหว่างสองสถานีที่อยู่ติด ๆ กัน เดินบนดิน อาจจะประหยัดกว่า และเร็วกว่ามาก โดยเฉพาะระหว่างสถานี Leicester Square และ Covent Garden กับสถานี Covent Garden และ Holborn
  • สถานีบางสถานี ถึงแม้ในแผนที่จะเขียนว่าเป็นจุดเปลี่ยนรถที่สถานีเดียวกัน แต่เอาจริงแล้วต้องเดินใต้ดินภายในสถานีเป็นกิโลเลย โดยเฉพาะสถานี Green Park โหดมากครับ
  • รถไฟใต้ดินลอนดอน มีสองแบบด้วยกัน คือแบบ Deep Underground กับแบบ Subsurface แบบแรกตัวรถไฟจะมีขนาดเล็กและกลม คนตัวสูงหัวติดเพดานแน่นอน ส่วนแบบ Subsurface จะเป็นรถขนาดใหญ่ ติดแอร์ เย็นสบาย
  • ถ้าไม่มีบัตรเครดิตหรือเดบิตแบบ Chip and PIN อย่าได้ลองพยายามเช่าจักรยาน Boris Bikes / Barclays Bike ของลอนดอนครับ เพราะยังงัยก็ทำไม่ได้
  • สถานี Tottenham Court Road มีทางลัดเยอะมากภายในสถานี ไม่จำเป็นต้องเดินตามทางที่ป้ายบอกครับ
  • สถานีบางสถานี มีการแยกระบบผู้โดยสารเดินเข้า แยกออกจากผู้โดยสารเดินออก โดยเฉพาะ Oxford Circus แนะนำอย่าเดินสวนทางเป็นอันขาด
  • การเดินทางบนรถไฟใต้ดินสาย Central Line และ Northern Line ช่วงคนทำงานเดินทาง เป็นความคิดที่แย่มาก โดยเฉพาะหน้าร้อน ควรเลี่ยงที่สุด
  • สถานีบางสถานีจะใช้ลิฟท์ขนส่งผู้โดยสาร เนื่องจากตอนสร้างสถานี ไม่มีพื้นที่พอที่จะทำบันไดเลื่อนเชื่อมตัวชานชาลากับพื้นดินเข้าด้วยกันได้ โปรดอย่าคิดว่าตัวเองเจ๋ง และเดินขึ้นบันไดตามคนลอนดอนบางคน เพราะบางสถานีมันลึกเกือบ 15 ชั้นลงไปใต้ดิน (เว้นแต่ว่ารู้สึกว่ากินเยอะ เลยอยากออกกำลังบ้างอะไรบ้าง) แนะนำให้รอลิฟท์เถอะครับ (สถานี Covent Garden เป็นหนึ่งในนั้น)
  • ลอนดอนมีสถานีรถไฟใต้ดินที่ถูกปิดตาย และร้าง แต่สามารถมองเห็นได้เมื่อนั่งรถใต้ดินอยู่ หากสังเกตดี ๆ โดยเฉพาะระหว่างสถานี South Kensington กับ Knightsbridge
  • เวลาจะนั่งรถไฟสาย Bakerloo Line อย่าทุ่มตัวลงไปในเก้าอี้แรงเกิน เพราะจะทำให้คนที่นั่งข้างๆ โดนแรงลมจากเบาะอัดจนเด้งหัวโขกเพดานรถได้
  • ผู้โดยสารสามารถกินน้ำ กินข้าว กินขนม ได้บนระบบรถไฟลอนดอนทุกระบบ นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมพื้นถึงสกปรก ไม่ก็เหนียว หรือบางครั้งก็มีซากนม ซากกาแฟหกเต็ม
  • อย่ามองลงไปในรางมาก เพราะมีหนูเพียบ
  • นักดนตรีที่เข้าไปเล่นดนตรีในระบบ Underground ส่วนใหญ่ จะผ่านการออดีชั่นมาแล้วเรียบร้อย ผ่านเข้ารอบได้ขนาดได้เล่นจริงตามสถานีย่อมไม่ธรรมดา ยืนฟังได้ครับ ไม่มีใครว่า
  • Thameslink เป็นระบบรถไฟที่วิ่งข้ามแม่น้ำ จากซีกบนของลอนดอน มาซีกล่าง แต่ตัวสถานีมันหายากมาก ใครหาสถานีเจอ ลองขึ้นรถไฟนี้ดูครับ แปลกดี (เถื่อนดีด้วยคนเมาเพียบเลย)
ขอให้โชคดีในลอนดอนครับ 




12 comments:

  1. นักเรียนเรียนภาษา30 April 2014 at 16:40

    ไปเรียนภาษาที่เคมบริดจ์และมีโอกาสได้ไปลอนดอนวันเดียวค่ะ
    1.อยากทราบว่าควรใช้ one day travel card หรือoyster card ดีคะ
    2.หากใช้ one day bus pass จะเพียงพอหรือไม่คะ

    ReplyDelete
  2. ถ้าไม่รีบมาก one day bus pass ก็เพียงพอครับ (ยิ่งช่วงนี้มีปิดประท้วงเยอะ) แต่ถ้าจะเอาสะดวก one day travel card ไปเลย

    ReplyDelete
  3. จะไปเที่ยวอังกฤษ 9 วัน 8 คืนค่ะ ระหว่าง 1-3 คาดว่าจะอยู่แต่ในลอนดอน (นั่งจาก heathrow โซน 6 เข้ามา) วันที่ 4 ไปต่างเมือง วันที่ 5 คาดว่าอาจจะซื้อทัวร์จากลอนดอนไป stonehenge วันที่ 6 ไป oxford กลับมาลอนดอน วันที่ 7 บ่ายไปเที่ยวอีกเมืองค้างคืน กลับลอนดอนวันที่ 8 แล้วกลับไทยวันที่ 9 ไฟลท์กลางคืน
    คิดว่าจะซื้อ 7 days travelcard ไปเลย (เอาสะดวก) แล้ววันที่ 18-19 ซื้อเป็น day card หรือ oyster ดีคะ

    ReplyDelete
  4. แบบนี้ oyster ไปเลยครับ เติมเงินเอา

    ReplyDelete
  5. ถามอีกนิด หมายถึง oyster ตั้งแต่วันแรกเลยป่ะคะ หรือว่า 7 วันแรกใช้แบบ 7days ดี แล้วค่อยซื้อ oyster สองวันหลัง
    คำนวณแล้วยังงงๆอ่ะค่ะ
    ขอบคุณค่ะ

    ReplyDelete
  6. ผมว่าวิธีดีที่สุดคือ oyster ตลอดครับ เพราะถ้า 7 วันหารดูแล้วยังไม่คุ้มครับ (ยิ่งมีต้องใช้จาก Zone 6 heathrow ด้วยยิ่งไม่คุ้ม เพราะแบบ 6 โซนแพงมาก)

    ReplyDelete
  7. ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ อ่านสนุกเข้าใจง่ายมากเลยค่ะ

    ถ้าไม่รบกวนเกินไปขอถามนิดนึงนะคะ คือคิดว่าอยากจะไปลอนดอนสัก 3 วัน เฉพาะที่ที่เป็น tourist attractions น่ะค่ะแล้วจากนั้นจะออกนอกเมืองสัก 2 วัน คุณต้นแนะนำว่าควรจะเลือกใช้บัตรแบบไหนดีคะ

    ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

    ReplyDelete
  8. ขอถามค่ะ การขนส่ง เริ่มเเละหยุดทำการกี่โมงคะ

    ReplyDelete
  9. ส่วนใหญ่แล้วเที่ยงคืนก็ปิดครับ ส่วนบัสจะมีบางเส้นที่เขียนหน้าป้ายว่า 24-hour ไม่ก็เขียน N นำหน้าหมายเลข นั่นคือเป็นบัสยามดึกครับ

    ReplyDelete
  10. Tunwarath Te Quiero18 February 2015 at 15:01

    สวัสดีค่ะ ถามตอนนี้ยังทันไหมคะ คือจะไปช่วง พค. นี้ค่ะ
    สงสัยเรื่องบัตร oyster ค่ะ

    คือเราจะนอนอยู่ london ประมาณ 7 วัน และช่วงสามวันแรกจะไปเมืองอื่นแบบเช้าไปเย็นกลับ การเดินทางก็จะมีแค่ขึ้นรถไปที่สถานีตอนเช้า กะเย็น
    วันอื่นเดินทางในลอนดอน อยากจะทราบว่าแบบนี้ ซื้อแบบเติมเงิน หรือเหมาอาทิตย์จะคุ้มกว่าคะ?

    ReplyDelete
  11. แบบเติมเงินน่าจะเหมาะกว่าครับ คิดซะว่าถ้าใช้ไม่เกินวันละ 4 รอบลุยเติมเงินไปเลย

    ReplyDelete
  12. รบกวนถามหน่อยสิครับ ไป 5 คืน พักแถว สนามบิน เนื่องจากงาน อยากเข้าลอนดอน แบบประหยัด ช่วง off peak ก็ได้ บัตร เตืมเงิน oyster คุ้ม มั้ยครับ

    ReplyDelete