บางครั้ง กาลเวลาเป็นตัวบอกเราว่าเทคโนโลยีใหม่ดีกว่าเก่า?

บางคนอาจจะเรียกยุคนี้ว่ายุค "จอภาพ" แต่ที่ผมสงสัยในตอนนี้คือมนุษย์เราตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่ได้อยู่ในสังคมที่ก้าวไปข้าวหน้าได้ด้วยเทคโนโลยี (นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1800 ได้) เราจึงมีความเชื่อที่ผูกมัดกับเทคโนโลยี ในตอนนี้ คนเรามักจะมีความคิดไปในทางเดียวกัน ว่าเทคโนโลยีที่มาที่มาใหม่ ย่อมดีกว่าของเก่าเสมอ ความเชื่อนี้สำหรับเราหลาย ๆ คน มันกลายเป็นกฎตายตัวไปแล้ว และการที่จะคิดย้อนกลับ หรือคิด "นอกกรอบความคิดนี้" มันเริ่มรู้สึกฝืนธรรมชาติ

ส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่าเราจำนนต่อเทคโนโลยีใหม่บางอย่าง เพียงเพราะว่ามันใหม่กว่า แม้ว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเรามากกว่าเทคโนโลยีเดิมที่เราใช้
ถ้าจะให้ยกตัวอย่าง ก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง "จอภาพ" ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นมาตรฐานในการใช้ชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว

ก็จริงอยู่ จอภาพ มันมีไว้เพื่อทดแทนกระดาษ ไม่ต่างกับหลาย ๆ สิ่งที่เราทำมาตลอด นั่นก็คือการเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอนาล็อกให้กลายเป็นดิจิทัล สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือการที่โปรแกรมและแอพหลาย ๆ ตัว ที่พยายามทำเอฟเฟคให้ใกล้เคียงกับการ "เปิดหน้าหนังสือ" มันก็ไม่ต่างกับการที่เราพยายามหลอกตัวเองว่าจอภาพ มันเป็น utility (คุณค่าจากการใช้งาน) ที่สามารถใช้แทนที่กระดาษได้ (หรือเปล่า?)

ถ้าลองคิดกลับกัน ถ้าเกิดว่ามนุษย์เราผลิตจอภาพได้ก่อนกระดาษ จะเกิดอะไรขึ้น?

ถ้าเกิดว่าเราเพิ่งสามารถประดิษฐ์เทคโนโลยีที่ใช้พิมพ์งานออกมา จาก digital มาเป็น analog แบบกระดาษได้ ผมเชื่อว่ามนุษย์เราคงจะตื่นเต้นกับเทคโนโลยีนี้ไม่น้อย ไม่ต่างกับยุคปัจจุบันที่เราตื่นเต้นกับเทคโนโลยีอย่างมือถือจอยักษ์ หรือแท็บเล็ต

ทำไมกระดาษถึงดีกว่าจอภาพ?

• มันไม่ต้องใช้ไฟฟ้า - ประหยัดพลังงาน
• ทำหล่นแล้วไม่พัง
• มันเบาโคตร ๆ
• มันบางโคตร ๆ
• มันมี resolution ที่คมกว่าจอภาพใด ๆ
• มันโค้งงอได้ สามารถพับเก็บใส่กระเป๋าได้อย่างไม่มีปัญหา
• เราเย็บมันเป็นเล่ม ๆ ได้
• มันไม่ต้องใช้เมโมรี่หรือหน่วยความจำใด ๆ ไม่ต้องโหลดอะไรทั้งสิ้น
• เราจะใช้อะไรเขียนมันก็ได้
• ต้นทุนต่ำสุดยอด
• สามารถเขียนข้อมูลเพิ่มเติมได้ โดยไม่ต้องใช้หน่วยประมวลผล
• ฯลฯ

แล้วผมเขียนบทความนี้มาเพื่ออะไร?

นั่นสิ

-- กลับมาเขียนต่อวันถัดมา --

อ่อใช่ ผมเขียนมาเพื่อเตือนสติ​ (ตัวเอง)​ ว่าเราควรโฟกัสไปที่ประโยชน์ของของชิ้นนั้นต่อตัวเรา มากกว่าความเจ๋ง หรือเพียงเพราะว่ามันมาทีหลัง เราต้องไม่ลืมหัวใจของเทคโนโลยี นั่นก็คือการตอบสนองความต้องการ เพื่มประโยชน์ หรือทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น

และบางครั้ง ผมก็เชื่อว่ากระดาษ มันแก้ปัญหาชีวิตของผมได้รวดเร็วกว่าการใช้ "จอภาพ"